ผู้สมัครงาน
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกมากในภาคใต้จะส่งผลให้การกรีดยางทำได้น้อย ปริมาณน้ำยางที่ออกสู่ตลาดแต่ละวันจะลดลงตามไปด้วย ในขณะที่ผู้ประกอบการ รวมทั้งผู้ส่งออกยางขณะนี้ไม่มียางในสต๊อกอยู่เลย ดังนั้น ราคายางในตลาดจะไม่ปรับตัวลดลงไปกว่าปัจจุบันที่ กก.ละ 55 บาท หรือจะไม่ลดลงแตะ 40 บาทอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางที่จะออกสู่ตลาดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนี้ กระทรวงเกษตรฯจะเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความเห็นชอบงบประมาณ 10,000 ล้านบาท เพื่อใช้เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 4% ให้กับสถาบันเกษตรกรผ่านกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นเงินทุนเวียนเสริมสภาพคล่องสำหรับการรับซื้อยางจากเกษตรแปรรูปขั้นต้นเพิ่มมูลค่า แทนการขายเป็นน้ำยางที่ขายได้ราคาต่ำโดยวงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ชาวสวนยาง มีคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ให้ความเห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด คาดว่าจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ส.ค.นี้
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯจะเร่งให้มีการโค่นยางเก่าจากที่กำหนดไว้ใน 7 ปีต้องโค่นให้ได้ 300,000 ไร่ ให้เพิ่มเป็น 400,000 ไร่ เพื่อลดปริมาณผลผลิตยางในประเทศ โดยคาดว่าราคายางที่ปรับตัวลดลงจะเป็นตัวจูงใจให้เกษตรกรยอมโค่นยางมากขึ้น ซึ่งสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจะให้การชดเชยไร่ละ 26,000 บาท ในกรณีที่เกษตรกรปลูกปาล์มทดแทน และชดเชยไร่ละ 16,000 บาท กรณีที่เกษตรกรต้องการปลูกยางรอบใหม่
“ยางพาราในสต๊อกรัฐบาลที่ยังค้างอยู่ประมาณ 210,000 ตัน กนย. ได้สั่งการให้องค์การสวนยาง (อสย.) จัดทำแผนบริหารจัดการใน 2 ช่องทาง คือ 1.ใช้ในประเทศ และ 2.ยางที่เหลือจะต้องหาทางระบายโดยไม่ให้กระทบกับราคายางในตลาด”.
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved